รายละเอียดสินค้า
คุณสมบัติ | รายละเอียด |
---|
ชื่อสินค้า | เต็นท์ปลูกต้นไม้ Grow Tent เต็นท์ปลูกพืชในร่ม |
รหัสสินค้า | MS-GTUS1515 |
วัสดุ | โครงเหล็กเคลือบด้วยสีเขียวหนา 0.4 มิลลิเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 มม. ผ้าเต็นท์หนา 600D ด้านในเป็นผ้า Mylar Oxford สีเงินสะท้อนแสง |
ขนาด | 150 x 150 x 200 เซ็นติเมตร |
พื้นที่จัดเก็บ | 2.25 ตารางเมตร |
จำนวนประตู | 1 บานซิป |
หน้าต่าง | ซ้าย 1 บานซิป ขวา 1 บานซิป |
จำนวนช่องระบายอากาศ | ซ้าย 1 บาน ขวา 1 บาน หน้า 1 บาน สามารถเปิด-ปิดได้ |
ช่องท่อ | บน 1 ช่อง ซ้าย 2 ช่อง ขวา 2 ช่อง หลัง 2 ช่อง |
ถาดรองกันน้ำ | รองกันน้ำได้ 100% |
ช่องระบายอากาศ | หลายจุด สามารถเปิด-ปิดได้ |
บาร์แขวนอุปกรณ์ | มีบาร์สำหรับแขวนอุปกรณ์ด้านใน |
โครงเหล็ก | โครงเหล็กทุกชิ้น ข้อต่อเหล็ก รับน้ำหนักได้สูง |
ผ้าเต็นท์ | ผ้า Oxford 600D กันแสงออก 100% สะท้อนแสงได้ถึง 99% |
การระบายอากาศ | มีช่องระบายอากาศหลายขนาด สามารถติดพัดลมดูดอากาศได้ |
หน้าต่างรอบด้าน | มีหน้าต่างรอบด้าน |
การประกอบ | ถอดประกอบ และติดตั้งง่าย |
ถาดรองพื้น | ถอดใส่ทำความสะอาดง่าย |
เต็นท์ปลูกต้นไม้ Grow Tent
เปลี่ยนพื้นที่ในบ้านของคุณให้เป็นสวนในร่มที่เต็มไปด้วยพืชพรรณเขียวขจีได้ง่ายๆ ด้วย เต็นท์ปลูกต้นไม้ Grow Tent ที่จะช่วยให้การเพาะปลูกของคุณเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ดี - ด้วยโครงเหล็กเคลือบสีเขียวและผ้า Mylar ที่ช่วยกระจายแสงและสะท้อนแสงได้ดี ให้แสงสว่างกระจายไปทั่วเต็นท์ ทำให้ต้นไม้ของคุณเติบโตได้อย่างเต็มที่ในทุกมุม!
✅ ทนทาน แข็งแรง - วัสดุคุณภาพสูง ข้อต่อเหล็กเคลือบสีเขียวสามารถรองรับน้ำหนักได้มาก และประกอบง่าย ติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว
✅ ป้องกันน้ำและแมลง - ผ้า Oxford 600D ด้านนอกกันน้ำได้ 100% และผ้า Mylar ช่วยป้องกันแมลงและศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ สะดวกสบาย - มีช่องระบายอากาศหลายจุดที่สามารถเปิด-ปิดได้ตามต้องการ พร้อมกับถาดรองน้ำในตัวและซิปคุณภาพสูง
✅ ประหยัดพื้นที่ - ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและออกแบบให้เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด เช่น ห้องนอน หรือคอนโด สามารถปลูกพืชได้ตลอดทั้งปี
เต็นท์ปลูกต้นไม้ Grow Tent เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชในพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นในห้องนอน คอนโด หรือพื้นที่ที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการออกแบบที่สามารถใช้คู่กับไฟปลูกพืชได้อย่างลงตัว คุณจึงสามารถเพาะปลูกพืชได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศภายนอก หรือแม้แต่ปัญหาจากมลภาวะ ศัตรูพืชและแมลงที่มักจะเป็นอุปสรรคในการปลูกพืชในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ
การใช้งานเต็นท์ปลูกต้นไม้นี้ช่วยประหยัดพื้นที่และเพิ่มความสะดวกสบายในการปลูกพืชภายในบ้าน ด้วยผ้าที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสง 99% ช่วยให้พืชของคุณได้รับแสงที่เหมาะสมตลอดเวลา นอกจากนี้ ช่องระบายอากาศหลายจุดสามารถช่วยให้การระบายอากาศภายในเต็นท์มีประสิทธิภาพสูง ทำให้การเจริญเติบโตของพืชเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังสามารถจัดการเรื่องความชื้นและอุณหภูมิได้อย่างง่ายดาย ด้วยการติดตั้งที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ทำให้เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากเริ่มต้นปลูกพืชในที่พักอาศัยที่มีพื้นที่จำกัด
การเตรียมพื้นที่ก่อนติดตั้งเต็นท์ปลูกต้นไม้
เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม
- ควรเลือกพื้นที่ที่มีพื้นเรียบและแข็งแรง เช่น พื้นไม้ กระเบื้อง หรือพื้นคอนกรีต เพื่อให้โครงเต็นท์ตั้งได้อย่างมั่นคง
- เลือกพื้นที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี หากติดตั้งในห้องควรมีหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดี
- หากต้องการติดตั้งในห้องหรือคอนโด ควรเลือกพื้นที่ที่ไม่รบกวนการใช้งานปกติ เช่น มุมห้องหรือบริเวณที่ไม่พลุกพล่าน
ตรวจสอบพื้นที่ให้พอดีกับขนาดเต็นท์
- ควรตรวจสอบว่ามีพื้นที่ที่เพียงพอในการติดตั้งหรือไม่ รวมถึงพื้นที่รอบๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงและดูแลต้นไม้ได้สะดวก
การเตรียมพื้นรองรับ
- ควรใช้ถาดรองน้ำหรือพื้นรองเพื่อป้องกันน้ำหรือความชื้นจากการรั่วซึมไปยังพื้นห้อง
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีก้อนหินหรือวัสดุที่สามารถทำให้ผ้าเต็นท์หรือโครงเสียหายได้
เตรียมอุปกรณ์เสริม
- หากจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หรือหลอดไฟปลูก ควรเตรียมช่องท่อหรือพื้นที่สำหรับติดตั้งอุปกรณ์เหล่านั้น
- ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมที่ต้องใช้ เช่น ท่อระบายอากาศ หรือพัดลม ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่
ตรวจสอบวัสดุ
- ตรวจสอบความสมบูรณ์ของทุกส่วนที่ประกอบเต็นท์ (โครงเหล็ก, ซิป, ผ้าเต็นท์) ก่อนทำการติดตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการประกอบที่ไม่สมบูรณ์
- ตรวจสอบช่องระบายอากาศและช่องท่อว่ามีการติดตั้งครบถ้วน
การดูแลรักษาเต็นท์ปลูกต้นไม้
การทำความสะอาดเต็นท์
- ควรทำความสะอาดผ้าเต็นท์บ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้การสะท้อนแสงลดลงหรือทำให้การเจริญเติบโตของพืชไม่ดี
- ใช้ผ้าเปียกหรือฟองน้ำสะอาดเช็ดเบาๆ ที่ผ้า Oxford และ Mylar โดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงที่อาจทำให้ผ้าเสียหาย
- สำหรับพื้นภายในเต็นท์ ควรใช้ผ้าหรือฟองน้ำเช็ดทำความสะอาด เมื่อทำความสะอาดแล้วควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเต็นท์แห้งก่อนเก็บหรือใช้งานต่อไป
การตรวจสอบโครงเหล็ก
- ควรตรวจสอบโครงเหล็กเป็นประจำเพื่อดูว่ามีส่วนที่หลวม หรือเสียหายหรือไม่ หากพบการเสื่อมสภาพให้ทำการซ่อมแซมโดยด่วน
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้แรงกดหรือดึงที่โครงเหล็กมากเกินไปเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
การดูแลซิปและข้อต่อ
- ตรวจสอบซิปและข้อต่อที่เชื่อมระหว่างผ้าเต็นท์กับโครงเหล็ก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดขัดหรือเสียหาย
- หากซิปหลุดหรือขัดข้อง ให้ทำการซ่อมแซมโดยเร็ว โดยการใช้กรรไกรตัดตรงจุดที่เสียแล้วใส่ซิปใหม่
การระบายอากาศ
- ตรวจสอบช่องระบายอากาศและช่องท่อทุกครั้งว่าไม่ถูกปิดกั้นหรือมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน ซึ่งอาจทำให้การหมุนเวียนอากาศไม่ดี
- เมื่อเปิดช่องระบายอากาศหรือช่องท่อ ควรตรวจสอบว่าไม่มีแมลงหรือศัตรูพืชเข้ามาในเต็นท์
การรักษาความสะอาดภายนอก
- หากใช้เต็นท์ในพื้นที่กลางแจ้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกหรือคราบสกปรกติดอยู่ที่ผ้าคลุม
- หากผ้าคลุมเปียกหรือเปื้อน ควรเช็ดทำความสะอาดทันทีเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย
การจัดการพื้นที่ปลูก
- ควรตรวจสอบต้นไม้ภายในเต็นท์เพื่อดูแลการเจริญเติบโต ไม่ให้ต้นไม้ชนหรือเสียหายกับผ้าเต็นท์
- หากใช้หลอดไฟปลูก ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟไม่ร้อนจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าเต็นท์เสียหายได้
การดูแลรักษาเต็นท์ปลูกต้นไม้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเต็นท์และทำให้ต้นไม้ภายในเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด.